Bonanza Wealth Management
สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการดำเนินธุรกิจ Private Banking ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คือ “การดูแลลูกค้า” ดังนั้น ระบบงานที่สามารถบริหารฐานข้อมูลของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพจึงมีความจำเป็นอย่างมากเช่นกัน ระบบงาน BONANZA Wealth Management จึงถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลของลูกค้าได้อย่างสูงสุด โดยสามารถรองรับได้ทั้งลูกค้าบุคคลธรรมดาและลูกค้านิติบุคคล อีกทั้ง ระบบยังมีความสามารถในการค้นหารายชื่อของลูกค้าตามคุณสมบัติที่ต้องการเพื่อการค้นหา Target Market และรองรับการทำ Multiple Client Segmentation ได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ ระบบสามารถประเมินค่าความเสี่ยงด้านการฟอกเงิน (Money Laundering Risk) สำหรับลูกค้าแต่ละรายตามนโยบาย Know Your Customer (KYC) เพื่อเป็นการเสริมสร้างความมั่นคงให้กับสถาบันการเงิน
นอกจากการบริหารฐานข้อมูลแล้ว ระบบ BONANZA Wealth Management ยังสามารถแนะนำนโยบายการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับลูกค้าแต่ละรายผ่านการทำ Investment Objective Settings (IOS) ได้อีกด้วย โดยผลลัพธ์ที่ได้คือ Asset Allocation และประเภทของกองทุนที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละรายผ่านการตอบคำถามเพื่อวัดคุณสมบัติของลูกค้ารายนั้น ๆ ในด้านความมั่นคงทางการเงิน (Financial Security) ความสามารถในการรับความเสี่ยง (Risk Tolerance) ระยะเวลาในการลงทุน (Investment Horizon) และอัตราผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุน (Expected Return)
คุณสมบัติโปรแกรมหลักๆ มีดังนี้
1. การเก็บข้อมูลลูกค้า
รองรับทั้งลูกค้าประเภทบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล โดยที่ในส่วนของลูกค้าบุคคลธรรมดานั้นจะแบ่งการเก็บข้อมูลออกเป็น
i. General Data: เพื่อเก็บข้อมูลทั่วไป เช่น ชื่อ, เพศ, วันเกิด, ประเทศที่เกิด ID card เป็นต้น
ii. Occupation : เพื่อเก็บข้อมูลอาชีพ Source of Income, Investment Objective เป็นต้น
iii. Address : เพื่อเก็บข้อมูลที่อยู่อาศัย ช่องทางในการติดต่อสื่อสาร
iv. Life Style Data: เพื่อเก็บรายละเอียดเกี่ยวกับรสนิยมของลูกค้า เช่น สิ่งที่ชอบ งานอดิเรก รถยนต์ที่ใช้ สถานที่ที่ชอบไป เป็นต้น
v. Financial Data: เพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับรายได้-รายจ่าย มูลค่าการลงทุนในหลักทรัพย์ ตำแหน่งการทำงาน และประวัติในการทำงาน
vi. Contact Data: เพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับช่องทางการติดต่อ ซึ่งระบุถึง Priority ของแต่ละช่องทางได้ รวมถึงเวลาที่เหมาะสม/ไม่เหมาะสมในการติดต่อ
และ Campaign ที่ลูกค้าเข้าร่วมได้
vii. Defined Data: เพื่อเก็บข้อมูลซึ่งเป็น User-defined Field
viii. Related Persons: เพื่อการกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าแต่ละรายเพื่อสร้างเป็น Family Tree และ Social Web
- สามารถเก็บข้อมูลตามประเภทของลูกค้า ซึ่งได้แก่ Client และ Prospect
- สามารถแนะนำรายชื่อของ RM ที่เหมาะสมสำหรับลูกค้าแต่ละคนได้
2. การค้นหารายชื่อของลูกค้า
- สามารถค้นหาและเลือกดูรายชื่อลูกค้าได้ตามสิทธิของแต่ละ RM
- ค้นหารายชื่อและ Contact Channel ของลูกค้าทั้งหมดตามเงื่อนไขที่ต้องการแบบหลายเงื่อนไข (Multiple Criteria) ซึ่งครอบคลุมถึงการค้นหาโดยใช้ User-defined Field ด้วย
- สามารถกำหนด Filed ข้อมูลที่ต้องการแสดงผลทั้งหมดเองสำหรับหน้าจอ Output ของการค้นหา
- สามารถเรียงลำดับรายชื่อของลูกค้าตามเกณฑ์ที่ต้องการได้
3. การปฏิบัติตามนโยบาย Know Your Customer (KYC) ภายใต้กรอบของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) และ กลต. ซึ่งปัจจุบันแบ่งระดับความเสี่ยงออกเป็น 3 ระดับ ซึ่งระบบจะตรวจสอบความเสี่ยงดังกล่าวโดยอ้างอิงจากเกณฑ์ดังนี้
- รายชื่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทางการเมือง (Politically Exposed Persons: PEPs)
- รายชื่อกลุ่มประเทศสมาชิก FATF (Financial Action Task Force)
- รายชื่อกลุ่มประเทศที่ถูกกำหนดเป็น NCCT (Non Cooperative Countries and Territories) และ Tax Heavens
- เงื่อนไขเกี่ยวกับการประกอบอาชีพที่สุ่มเสี่ยงต่อการฟอกเงิน หรือสนับสนุนการก่อการร้าย
- เงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อทางจดหมาย
- เงื่อนไขเกี่ยวกับการลงทุนในกองทุนซึ่งวัดจาก Transaction และ Holding ของลูกค้าแต่ละราย
- สามารถสั่งพิมพ์ข้อมูลได้
- สามารถ Export ข้อมูลในรูปแบบ Excel และ Text File
4. การแนะนำกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละรายในเบื้องต้น
- สามารถกำหนด Asset Class, Fund Type และ Investment Strategy ได้เอง
- สามารถ Mapping Asset Class, Fund Type และ Weight ในการลงทุนให้เข้ากับ Investment Strategy ได้เอง
- สามารถกำหนดชุดของ Questionnaire และกำหนดคำถามในแต่ละหมวดได้เอง ซึ่งประกอบไปด้วย Financial Security, Time Horizon และ Risk Tolerance
- ระบบจะแนะนำ Investment Strategy ที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย ซึ่งจะระบุถึง Asset Allocation ที่เหมาะสมสำหรับ Preference ของลูกค้าแต่ละราย รวมทั้งประเภทของกองทุนที่เหมาะสมสำหรับการลงทุน (จำแนกตามนโยบายการลงทุน)
- Investment Objective Settings (IOS) ถูกออกแบบให้สามารถแก้ไขได้เองโดย System Admin ยกตัวอย่างเช่น Investment Committee ของ บลจ. อาจมีมติเรื่องการเปลี่ยนแปลง Asset Allocation ที่แนะนำแก่ลูกค้า และชุดของ Questionnaire ที่จะใช้ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน
- รองรับการสร้าง Multiple Portfolio เพื่อให้เหมาะสมกับหลายวัตถุประสงค์ในการลงทุน
- รองรับการทำ Financial Planner โดยจะแบ่งออกเป็น 4 วัตถุประสงค์หลักได้แก่ Education Plan, Housing Plan, Savings Plan และ Retirement Plan
5. มีระบบ Sale & Inventory ที่รองรับการซื้อ-ขาย สินค้าของแบงค์ ทั้งประเภทที่เกี่ยวกับหลักทรัพย์ทางการเงิน จำพวกกองทุน และ พันธบัตรต่างๆ และ สินค้าของแบงค์ประเภทที่ไม่เกี่ยวกับหลักทรัพย์ทางการเงินเช่น Bancassurance Products
- มีระบบการจัดการสินค้าที่รองรับการตัดยอดคงเหลือคงลินค้าหรือ Live inventory Tracking
- รองรับการเช็คความเหมาะสมของสินค้ากับลูกค้าก่อนการ ซื้อ ขาย ที่อ้างอิงมาจาก Risk Profile ของลูกค้าแต่ละราย
- เปิดให้ผู้ใช้สามารถ Track Order Status
- รองรับการคำนวนภาษีและค่าธรรมเนียมของการซื้อ ขาย
- รองรับการเรียกดูข้อมูลการ ซื้อ ขาย ย้อนหลังตามเวลาที่กำหนด
6. สามารถเชื่อมโยงกับระบบ BONANZA Investment เพื่อออกรายงาน Consolidate ที่รองรับ Multi-currency ได้
- ระบบจะนำ Weight จากการลงทุนจริงมาเปรียบเทียบกับ Model Weight ที่ได้จาก IOS และแสดงผลในรูปแบบของตารางและ Pie Chart
- มีการเปรียบเทียบมูลค่าการลงทุนจริงกับมูลค่าการลงทุนที่แนะนำจาก IOS เพื่อเสนอแนวทางในเบื้องต้นว่าควรเพิ่มหรือลดสัดส่วนการลงทุนใน Asset Classใด
- สามารถ Drill-down เพื่อดูรายละเอียดสำหรับแต่ละ Asset Class ว่าประกอบด้วยหลักทรัพย์ตัวใดบ้าง คิดเป็นสัดส่วนเท่าไร และมี Feature อย่างไรบ้าง เช่น ดูรายละเอียดของ Asset Class ที่เป็น Fixed Income เพื่อดูว่ามี Credit Rating และ Yield เป็นเท่าไหร่
- สามารถวัดผลดำเนินงานของในระดับ Portfolio ของลูกค้าแต่ละราย พร้อมทั้งเปรียบเทียบกับ Benchmark ได้
7. มี Module สำหรับการสร้าง Marketing Campaign ได้ ซึ่งเริ่มต้นจากการกำหนดรายละเอียดของ Campaign การคัดเลือกลูกค้าและ Product ที่เหมาะสม และการ Evaluate Campaign
8. รองรับการทำงานของ RM ในการบันทึกการติดต่อกับลูกค้า นัดหมาย และการกำหนด Task ซึ่งระบบจะมีการ Alert สำหรับเหตุการณ์ต่างๆ เช่น นัดหมาย วันเกิดของลูกค้า การขาดการติดต่อ เป็นต้น
9. สามารถกำหนดสิทธิในการใช้งานในแต่ละ Function ซึ่งประกอบด้วยการ กรอกข้อมูล เรียกดูข้อมูล แก้ไขข้อมูล และการลบข้อมูล สำหรับแต่ละ User ได้
นอกจากนี้ ระบบ BONANZA Wealth Management ยังสามารถรองรับการ import ข้อมูลจากฐานข้อมูลลูกค้าที่ใช้อยู่ในปัจจุบันได้ ซึ่งระยะเวลาในการ implement นั้น ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของระบบฐานข้อมูลที่ใช้อยู่ และระดับความสมบูรณ์ของข้อมูลที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม เมื่อข้อมูลดังกล่าวถูก import เข้ามาแล้ว ระบบ BONANZA Wealth Management อนุญาตให้มีการกรอกข้อมูลเพิ่มหรือแก้ไขข้อมูลภายในระบบเองได้
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ +66(0) 2-861-4820 Ext. 5620-5622, 5628, 5629
หรือีเมล: marketing@wealth.co.th
หรือส่งอีเมลถึงเราและเราจะพยายามติดต่อคุณกลับโดยเร็วที่สุด